วงจรเรียงกระแสแบบเต็มคลื่นใช้ไดโอดบริดจ์ซึ่งวงจรภายในของไดโอดบริดจ์มีไดโอด 4 ตัว วงจรข้างในจะเหมือนกันหมดทุกเบอร์หรือเป็นวงจรมาตรฐาน ขั้นตอนการวัดอันดับแรกทำความเข้าใจวงจรข้างในว่าไดโอดแบบนี้มีขาอะไรบ้าง มีทิศทางการต่ออย่างไรให้ดูไดอะแกรมในรูปจะมีขา + ขา - ขาไฟ AC จุด 1 และขาไฟ AC จุด 2 อันดับที่2 เข้าใจขั้วไฟของสายวัดมิเตอร์ว่ามัลติมิเตอร์แบบดิจิตอลและมัลติมิเตอร์แบบเข็มจะมีขั้วไฟตอนวัดไดโอดแตกต่างกัน ไดโอดบริดจ์เป็นอุปกรณ์หลักในวงจรภาคจ่ายไฟและเป็นไดโอดทีทนกระแสได้หลายแอมป์จึงมีขนาดใหญ่ ส่วนรูปร่างหรือแพคเกจของไดโอดมีแบบเคสสี่เหลี่ยม แบบกลม ตัวอย่างเบอร์ KBPC10 ทนกระแสได้ 10A , KBPC15 ทนกระแสได้ 15A , KBPC25 ทนกระแสได้ 25A , KBPC35 ทนกระแสได้ 35A , KBPC50 ทนกระแสได้ 50A เป็นต้น ตัวเลขตัวหลังสุดบอกค่าแรงดันที่ทนได้ โดย 01 = 100V , 02 = 200V , 04 = 400V , 06 = 600V , 08=800V , 10 = 1000V , 12=1200V , 14=1400V , 16=1600V เป็นต้น ยกตัวอย่างเบอร์ KBPC3504 ทนกระแสได้ 35A แรงดัน 400V เบอร์ KBPC3512 ทนกระแสได้ 35A แรงดัน 1200V , KBPC1006 ทนกระแสได้ 10A แรงดัน 600V
สังเกตขาของไดโอดบริดจ์ขา + และลบจะอยู่แนวทะแยงมุมกัน ขา AC กับ AC จะอยู่ทะแยงมุมกัน
สังเกตขาของไดโอดบริดจ์ขา + และ - จะอยู่ริม ส่วนขา AC จะอยู่ด้านใน
ขั้้นตอนการวัดไดโอดบริดจ์แบบคราวๆ อย่างรวดเร็ว
1. หาตำเหน่งขาของไดโอดบริดจ์ตามรูปด้านบนและดูวงจรมาตรฐานของไดโอดบริดจ์ตามรูปด้านล่างนี้
2. ปรับสวิต์เลือกย่านวัดไปที่ย่านวัดไดโอด หน้าจอจะแสดงรูปสัญลักษณ์ไดโอด
3. วัดขา AC กับขา AC ตามหลักแล้วไฟ AC กับไฟ AC 2 เส้นต้องไม่ต่อถึงกันเด็ดขาดดังนั้น วัดขา AC กับขา AC วัดและสลับสายวัด ขึ้น OL 2 ครั้ง = ดี
4. วัดขา + และ - ตามหลักแล้วไฟ + - ต้องไหลได้ทิศทางเดียวคือไหลจาก + ไป - ดังนั้นวัดขา + - ต้องวัดขึ้น 1 ครั้ง และวัดได้ OL 1 ครั้ง = ดี
วงจรข้างในของไดโอดบริดจ์
วัดขา AC กับขา AC วัดและสลับสายวัด ขึ้น OL 2 ครั้ง = ดี
วัดขา + และ - ต้องมีกระแสไหลได้ทิศทางเดียว ได้แรงดันตกคร่อมไดโอด 2 ตัวรวมกัน = 0.89V
สลับสายวัด วัดขา + และ - ต้องมีกระแสไหลได้ทิศทางเดียว ไดโอดไม่ยอมให้กระแสไหลหน้าจอขึ้น OL
ขั้นตอนการวัดไดโอดแบบวัดไดโอดทั้ง 4 ตัว เป็นการวัดแบบละเอียด
1. สังเกตขาและวงจรข้างในของไดโอดบริดจ์ ให้สังเกตว่าขา + ของไดโอดบริดจ์แต่จริงๆเป็นขาแคโทดของไดโอดซึ่งต้องการไฟ -
2. วัดไดโอดตัวที่ 1 และ 2 ( D1 และ D2 ) สายวัดสีดำจับยึดขา + ไว้คงที่เพราะขา + ของไดโอดบริดจ์แต่จริงๆเป็นขั้วแคโทดของไดโอด ส่วนสายวัดสีแดงวัดขา AC ที่ 1 และขา AC ที่ 2 ไดโอดดีจะต้องมีแรงดันตกคร่อม 0.4V-0.8V หมายถึงไดโอดดี ถ้าเสียลักษณะขาดขึ้น OL ถ้าเสียลักษณะช๊อตขึ้น 0.000
ไดอะแกรมเพื่อวัดไดโอดตัวที่ 1 และตัวที่ 2 ( D1 และ D2 )
สายสีดำจับยึดขา + ไว้คงที่ ส่วนสายสีแดงวัดขา AC ทั้งสอง มีแรงดันตกคร่อมไดโอด 0.4-0.8V คือไดโอดดี
3. วัดไดโอดตัวที่ 3 และ 4 ( D3 และ D4 ) สายวัดสีแดงจับยึดขา - ไว้คงที่ ส่วนสายวัดสีดำวัดขา AC ที่ 1 และขา AC ที่ 2 ไดโอดดีจะต้องมีแรงดันตกคร่อม 0.4V-0.8V หมายถึงไดโอดดี ถ้าเสียลักษณะขาดขึ้น OL ถ้าเสียลักษณะช๊อตขึ้น 0.000
สายวัดสีแดงจับยึดขาไดโอด - ไว้คงที่ ส่วนสายวัดสีดำวัดขา AC ที่ 1 ไดโอดดีจะมีแรงดันตกคร่อม 0.4V - 0.8V (ขึ้นอยู่กับเบอร์ไดโอด)
สายวัดสีแดงจับยึดขา - ไว้คงที่ ส่วนสายวัดสีดำวัดขา AC ที่ 2 ไดโอดดีจะมีแรงดันตกคร่อม 0.4V - 0.8V (ขึ้นอยู่กับเบอร์ไดโอด)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น